ข่าวสาร
ธุรกิจสกัดสารกัญชา-กัญชง การเติบโตของอุตสาหกรรมที่แท้จริง
Published date: 25 พฤศจิกายน 2564 | 09.54 PM

หลังจากประเทศไทยมีการปลดล็อกกัญชา-กัญชง ให้เป็นพืชเศรษฐกิจใหม่ เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จากนั้นหลายแบรนด์ก็เริ่มออกผลิตภัณฑ์มาทั้งเครื่องดื่ม อาหาร ขนม ปัจจุบันกระแสข่าวที่คนเคยตื่นเต้นอาจจะดูเงียบลงไปบ้าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วกระแสกัญชา-กัญชงยังไม่ได้หายไปไหน แต่มันเพิ่งจะเริ่มต้นสู่การเป็นอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง
.
วิธวินท์ วิทยานนท์ ผู้ก่อตั้ง และกรรมการบริษัท ซาลัส ไบโอซูติคอล (ประเทศไทย) จำกัด มองว่า ปัจจุบันมีแต่คนปลูก และแปรรูปอยู่แค่ในอาหารและเครื่องดื่ม มันเป็นสเต็ปแรกของวงการนี้ ยังไม่เกิดธุรกรรมอย่างแท้จริง หลังจากนี้จะเป็นเรื่องของการสกัดสารกัญชา-กัญชง การซื้อขายสารสกัด การนำสารสกัดไปแปรรูปก็จะทำให้วงการนี้เติบโตไปอีกขั้น จะมีบริษัทใหญ่ๆ เข้ามา คนไทยก็จะตื่นรู้กับเรื่องเหล่านี้มากขึ้น
.
ซาลัส ไบโอซูติคอล เป็นหนึ่งในบริษัทที่เข้ามาทำธุรกิจสกัดสารกัญชา-กัญชง ก่อตั้งเมื่อปี 2020 แต่เริ่มหาข้อมูลการสกัดตั้งแต่ปี 2018 หลังจากตั้งโรงงานเสร็จ วิธวินท์ ทยอยขอใบอนุญาต หาชาวไร่ที่จะช่วยปลูกกัญชงให้ได้ (Contract Farmer) ทำใบอนุญาตนำเข้าเมล็ด และจำหน่ายเมล็ดให้ Contract Farmer ซึ่งปัจจุบัน ซาลัส ไบโอซูติคอล ดำเนินการขอใบอนุญาตเสร็จเรียบร้อยและสามารถสกัดทุกอย่างได้ตามจริง เป็นเจ้าที่ 2 ในไทย
.
วิธวินท์ กล่าวต่อว่า บริษัทต้องมีทีมปฏิบัติการที่มีความรู้และสามารถใช้เครื่องจักรได้อย่างคล่องแคล่ว และตัวเครื่องต้องได้มาตรฐาน ไม่อย่างนั้นจะสกัดช้าและไม่คุ้มค่ากับการลงทุน
.
ซาลัส ไบโอซูติคอล ใช้เทคโนโลยีจาก 3 ประเทศเข้ามารวมกัน คือ เยอรมนี สหรัฐฯ และแคนาดา ก่อนจะนำมาประกอบกันที่เมืองไทยเรียกว่าเทคโนโลยี Supercritical External Extraction เป็นสกัดด้วย แอลกอฮอล์ External ใช้ความเย็น -40 องศาเซลเซียส
.
โดยในเฟสแรกของการสกัดก็จะได้เป็นน้ำมันดิบ จากนั้นเมื่อนำไปเข้าหอกลั่น จะได้เป็นน้ำมันที่ถูกกลั่นออกมาแล้ว ที่มีความบริสุทธิ์มากขึ้นมีความเข้มข้นขึ้น ซึ่งคนนิยมนำไปผสมน้ำมันมะพร้าวและไปหยดใต้ลิ้น แต่ถ้าจะนำไปแปรรูปเพิ่ม ก็จะกลายเป็นผง Isolate ทั้งที่ละลายน้ำมันและในน้ำ สำหรับผง Isolate ที่ละลายในน้ำมันสามารถนำไปผสมครีม แชมพู สบู่ ยาหม่อง ส่วนผง Isolate ที่ละลายในน้ำ จะนำไปผสมน้ำดื่ม น้ำผลไม้ เบียร์ ไวน์
.
“การสกัดกัญชาและกัญชงเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก เพราะเราจะได้ดึงศักยภาพส่วนที่สำคัญที่สุดของพืชออกมาได้มากที่สุด ซึ่งสามารถนำไปต่อยอดได้ทั้ง ทำเป็นยารักษาโรค อาหารเสริม ผสมอาหารเครื่องดื่ม รวมไปถึงการผสมในอาหารสัตว์อีกด้วย”
.
ทั้งนี้ความสามารถการผลิตของ ซาลัส ไบโอซูติคอล อยู่ที่ 550-600 กิโลกรัมแห้ง ต่อวัน ซึ่ง 1 ต้นที่ปลูกนั้นจะได้ประมาณ 1 ขีดครึ่งเท่านั้น ส่วนล็อตแรกที่จะผลิตออกมาขายเชิงพาณิชย์ จะเริ่มประมาณกลางเดือนธันวาคมนี้
.
.
วางฐานการผลิตในไทย พร้อมลุยตลาดเอเชีย
.
สำหรับการหากัญชาและกัญชงมาสกัดเป็นสารนั้น วิธวินท์ มองว่า พื้นฐานเกษตรกรของคนไทยดีมาก สามารถปลูกได้ทุกอย่าง ถ้าได้รับการสอนก็จะสามารถทำได้เอง
.
“ต้องยอมรับว่าในประเทศไทยมีการปลูกใต้ดินมานานมาก แอบปลูกในห้องใต้ดิน ถ้าเราดึงเขาขึ้นมาอยู่บนดินได้ และทำให้เขาสามารถพิสูจน์ผลงานตัวเองได้ ก็จะได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ”
.
วิธวินท์ กล่าวต่อว่า กัญชาและกัญชง สามารถปลูกได้หลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ ซาลัส ไบโอซูติคอล ตั้งโรงงานไว้ที่เชียงใหม่ เพราะบริษัทมองว่าภาคเหนือจะเป็นแหล่งปลูกกัญชงกัญชาในอนาคตที่สำคัญและสามารถรับซื้อได้ง่าย สามารถตรวจสอบคุณภาพได้ง่าย
.
“ปัจจุบันเราเห็นความต้องการสูงขึ้น อาจจะต้องเพิ่มกำลังการผลิตและเพิ่ม Contract Farmer ที่เขาสามารถปลูกให้เราได้”
.
สำหรับแผนธุรกิจของ วิธวินท์ นั้นจะเน้นการขายสารตั้งต้น หรือสารสกัดก่อนเป็นเฟสแรก ทั้งน้ำมันดิบ น้ำมันกลั่น หรือ ผง CBD (Cannabidiol เป็นสารสกัดจากกัญชงซึ่งไม่มีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาท) ที่ละลายในน้ำหรือน้ำมันได้ และเฟสต่อๆ ไป จะเริ่มทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองทั้ง ขนม ยาหม่อง ครีม
.
วิธวินท์ มองการขยายการส่งออกสารสกัดไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะหลายประเทศเริ่มเปิดรับกัญชาและกัญชงมากขึ้น โดยเฉพาะ เวียดนาม มาเลเซีย จะเน้นรับสาร CBD เพียวๆ ส่วนญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีตลาดใหญ่มาก และต้องการสาร CBD ไปผสมทั้งกระดาษทิชชู่ ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน อาหาร น้ำมันบุหรี่ไฟฟ้า
.
“ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีความคึกคักมาก แต่ก็มีกฎหมายค่อนข้างเข้มงวด คือ ไม่ให้ปลูก ไม่ให้สกัดเองในประเทศ แต่ให้นำเข้าสาร CBD ล้วนๆ ได้ แต่ต้องมีสารมึนเมาต่ำมากๆ ต่ำกว่า 0.001%
.
ส่วนในอีก 5-7 ปี ข้างหน้า วิธวินท์ มีแผนจะทำยา เพราะพาร์ทเนอร์ที่แคนาดามีบริษัททำเกี่ยวกับยาที่มาจากสารสกัดของกัญชา-กัญชงโดยเฉพาะ
.
“เรามองว่าการทำยามันยั่งยืนและเกิดประโยชน์จริงกับคน เพราะมีหลักฐานออกมายืนยันว่า การรักษาด้วยกัญชงกับกัญชานั้นได้ผล”
.
.
เครื่องสำอาง อาหารสัตว์ มาแรง
.
สำหรับปีหน้า (2022) วิธวินท์ มองว่า ตลาดเครื่องสำอางจะมาแรง และมีการนำสารสกัดไปใช้เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีหลายเจ้าทำการวิจัยและพัฒนา ยาหม่อง ซึ่งการนำสารสกัดไปผสมจะช่วยให้แผลที่ถูกแมลงกัดต่อยมันยุบลงได้เร็วขึ้น เพราะ CBD มีคุณสมบัติในการลดการอักเสบในตัวอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังสามารถนำไปแต้มรอยแผลเป็นของสิวได้อีกด้วย
.
ด้านอาหารสัตว์ก็เป็นตลาดที่ใหญ่มาก การทำให้สัตว์คลายเครียด หลับได้ดีขึ้น ก็ทำให้เนื้ออร่อยขึ้น ซึ่งบริษัทที่ญี่ปุ่นและไต้หวันก็สนใจจะนำไปสารเหล่านี้ผสมกับอาหารสัตว์ให้ปลาในกระชัง นำไปผสมกับอาหารสำหรับเลี้ยงไก่ รวมถึงสัตว์ที่ถูกขนย้ายไปสวนสัตว์ เมื่อได้กินอาหารเหล่านี้ก็จะผ่อนคลายขึ้น
.
ส่วนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม ก็จะเป็นเครื่องดื่มที่นำผง CBD ไปละลายน้ำ ก็จะทำให้ผ่อนคลายมากขึ้น ด้านยาแพทย์แผนไทย ที่มีส่วนผสมของกัญชาและกัญชงก็จะขายได้ดี

Latest ข่าวสาร